สมัครสมาชิก เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก เข้าสู่ระบบ
การวางแผนการเงิน คืออะไร ?
 

 
การวางแผนการเงิน เป็นแนวคิดที่ทําให้เราเตรียมความพร้อมและนําชีวิตไปสู่ความมั่นคงทางการเงิน
 
ซึ่งควรเริ่มจากการปลูกฝงนิสัยการออมและการใช้เงินที่ดีมีวินัยตั้งแต่เด็กๆ เพราะเมื่อเข้าสู่วัยทํางานก็จะต้องรู้วิธีการ วางแผนและจัดสรรเงินให้เพียงพอในการใช้จ่ายประจําวัน การใช้จ่ายในอนาคต รวมถึงการเก็บออมเพื่อการ เกษียณอายุดังนั้นการวางแผนการเงินจึงเป็นแนวคิดสําคัญที่จะทําให้คุณสามารถดําเนินในแต่ละช่วงของชีวิตได้อย่างดี มีสุขภาพทางการเงินที่ดี
 
หลายคนคงเคยได้ยินคําว่า “มั่งคั่ง” อยู่บ่อยๆ และอาจจะนึกถึงภาพคนที่มี“รายได้สูงๆ” “มีทรัพย์สินเงิน ทองมากมาย” หรือ “คนที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย” เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนเครื่องหมายแสดงฐานะทางสังคม สื่อให้เหนถึงความมั่งคั่งรํ่ารวยของบุคคล็ แต่นั่นคือ สิ่งที่วัดความมั่งคั่งใช่หรือไม่

คํานวณ “ความมั่งคั่ง” ได้อย่างไร ?

 
“ความมั่งคั่ง” คือ เงินที่เหลืออยู่หลังจากที่นําทรัพย์สินทั้งหมด ลบด้วยหนี้สินทั้งหมดของคุณ ยิ่งคุณมีทรัพย์สินสุทธิมากเท่าใด โอกาสที่จะนําเงินไปต่อยอดสร้างความมั่งคั่งก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามั่งคั่งแล้ว?

 
ก่อนจะมั่งคั่ง เราต้องอยู่รอดให้ได้ก่อน ดูง่ายๆ จาก “อัตราส่วนความอยู่รอด” (Survival Ratio)

“รายได้จากทรัพย์สิน” หมายถึง รายไดหรือดอกผลที่มาจากทรัพย์ส้นลงทุนต่างๆิ เชน่
 
ดอกเบี้ย (เงินฝาก พันธบัตร หุ้นกู้)
 
เงินปันผล (หุ้นสหกรณ์หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ)
กําไรจากการลงทุน (หุ้น หน่วยลงทุนในกองทุนรวม ฯลฯ) ค่าเช่า (บ้าน อาคาร ที่ดิน แท๊กซี่ ฯลฯ)
 
กําไรจากทรัพย์สนที่เพิ่มค่า (ทองคํา ของสะสม เช่น ภาพวาด หนังสอหายาก ฯลฯ) ค่าลิขสทธิ์(ทรัพย์สนทางปัญญา เช่น งานเขียน)
รายได้จากการลงทุนทํากิจการของตนเอง กิจการในครอบครัว หรือลงทุนร่วมกับคนอื่นๆ ฯลฯ

อัตราส่วนความอยู่รอด > 1 = แสดงว่าอยู่รอดได้


แต่ถ้าอัตราส่วนนี้มีค่ามากกว่า 1 นั่นหมายถึง... คุณสามารถดํารงชีวิตให้อยู่รอดได้ซึ่งความเป็นไทขั้นต้น ก็คือการอยู่รอดได้ด้วยตนเองก่อน
 
ยกตัวอย่าง ถ้าคุณมีรายได้จากการทํางาน 30,000 บาท/เดือน ไม่มีรายได้จากทรัพย์สิน และมีรายจ่าย 15,000 บาท/เดือน คํานวณอัตราส่วนความอยู่รอดจะเท่ากับ 2 แสดงว่า คุณสามารถดํารงชีวิตอยู่รอดได้
 

รอดแล้ว เมื่อไหรจะรวย ?

 
หากคํานวณอัตราส่วนความอยู่รอดได้แล้ว ขั้นถัดไปก็คือ คํานวณอัตราส่วนความมั่งคั่ง วิธีที่จะทําให้รู้ว่าคุณ มั่งคั่งและมีอิสรภาพทางการเงินแล้วหรือยัง ดูได้จาก “อัตราส่วนความมั่งคั่ง” (Wealth Ratio)

ถ้าคุณมีอัตราส่วนความมั่งคั่งมากกว่า 1 ก็แสดงว่า... แม้คุณจะไม่ทํางาน คุณก็มีรายได้จากทรัพย์สินมาก พอที่จะใช้จ่ายและใช้ชีวิตได้อย่างสบาย อย่างนี้จะเรียกว่า “อิสรภาพทางการเงิน” ที่ทุกคนอยากได้
 
ยกตัวอย่าง ถ้าคุณมีรายได้จากทรัพย์สิน เช่น การให้เช่าคอนโดมิเนียม 20,000 บาท/เดือน เงินปนผลหุ้นและั กองทุนรวม 5,000 บาท/เดือน ดอกเบี้ยจากการฝากเงินหรือซื้อพันธบัตรรัฐบาล 5,000 บาท/เดือน รวมรายได้จาก ทรัพย์สินทั้งหมด 30,000 บาท/เดือน ในขณะเดียวกันคุณมีรายจ่ายเพียง 15,000 บาท/เดือน เมื่อคํานวณอัตราส่วน ความมั่งคั่งจะเท่ากับ 2 แสดงว่า คุณมีอิสรภาพทางการเงินเรียบร้อยแล้ว
 
ซึ่งการเรียนรู้และให้ความสําคัญกับการวางแผนการเงินในทุกๆ ด้าน จึงเป็นเรื่องสําคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมค่าใช้จ่าย การบริหารหนี้สิน การออมเงินเพื่อเป้าหมายในอนาคต รวมถึงการทํา ประกันเพื่อคุ้มครองความเสี่ยง การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง... การลงทุนเพื่อ ต่อยอดเงินออมให้งอกเงยขึ้น ถือว่าเป็นเคล็ดลับสําหรับผู้ที่ต้องการอิสรภาพทางการเงินทุกคน
 

4 ขั้นตอน ที่นําคุณไปสู่ความมั่งคั่งและอิสรภาพทางการเงิน

 

ขั้นตอนที่ 1 สร้างความมั่งคั่ง (Wealth Creation)

 
“การสร้างความมั่งคั่ง” (Wealth Creation) เป็นด่านแรกที่คุณจะต้องฟนฝัาไปให้ได้่ หากอยากมีอิสรภาพทางการเงินอย่างที่ฝนไว้ัซึ่งคนที่จะสร้างความมั่งคั่งได้ต้อง
 
รู้หา รู้เก็บ รู้ใช้และรู้ขยายดอกผล” อย่างสมํ่าเสมอจนกลายเป็นนิสัย
 
สร้างความมั่งคั่งให้ตนเองด้วยการ “วางแผนการใช้จ่ายเงิน” “วางแผนหนี้สิน” เพื่อให้มีเงินออม และทํา การ “วางแผนการออมเงิน” ต่อไป นี่คือหัวใจสําคัญของการสร้างความมั่งคั่งในขั้นที่1
 
พยายามคิดไว้เสมอว่า “ทุกๆ 1 บาท ที่ประหยัดได้ในวันนี้เหมือนคุณมีเงินออมเพ่ิมขึ้นอีก 1 บาท ที่สามารถต่อยอดเพิ่มพูนความมั่งคั่งได้ในอนาคต”
 

ขั้นตอนที่ 2 ปกป้องความมั่งคั่ง (Wealth Protection)

 
ชีวิตคนเราต้องเผชิญกับความเสี่ยงรอบด้าน เหตุการณ์ไม่คาดฝนอย่างอุบัติเหตุหรือเจ็บไข้
 
ได้ป่วยอาจเกิดกับคุณและครอบครัวเมื่อไหร่ก็ได้หากคุณไม่ได้เตรียมการรับมือเอาไว้ ทรัพย์สินเงินทองที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิตอาจหมดไป เพียงเพราะถูกสารพันความเสี่ยง ทั้งหลายจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว
 
ทางที่ดี... คุณควรหาตัวช่วยเพื่อ “ปกป้องความมั่งคั่ง ” (Wealth Protection) ให้อยู่กับคุณไปนานๆ พร้อม ทั้งเลือกวิธีจัดการความเสี่ยงต่างๆ ด้วยการ “วางแผนประกัน” ติดไม้ติดมือเอาไว้บ้าง แม้วิธีการเหล่านี้จะไม่สามารถ ขจัดความเสี่ยงทุกชนิดให้หมดไปจากชีวิตเราได้แต่ก็น่าจะช่วยสร้างความมั่นใจว่า-เรายังมีตัวช่วยบรรเทา ความสูญเสียทางการเงินได้ในระดับหนึ่ง
 
นอกจากนั้น อีกเหตุการณ์หนึ่งที่หลายคนคิดไม่ถึงว่าจะเป็นความเสี่ยงในชีวิต นั่นคือ การมีเงินไม่พอใช้ใน วัยเกษียณ เชื่อว่าถ้าอายุยืนแล้วไม่มีเงินใช้คงจะน่ากลัวกว่าสิ่งอื่นใดเป็นแน่แท้ดังนั้นการ “วางแผนเกษียณ” ตั้งแต่ วันนี้จึงเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะทําให้คุณมีเงินพอใช้อย่างสุขสบายในช่วงบั้นปลายของชีวิต
 
 

ขั้นตอนที่ 3 เพิ่มพูนความมั่งคั่ง (Wealth Accumulation)

 
หลายปีที่ผ่านมา... อัตราเงินเฟ้อพุ่งแซงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เห็นทีลําพังการออมเงินไว้ ในธนาคารเพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถทําให้คุณไปถึงฝงฝั่นหรือมั่งคั่งอย่างที่ตั้งใจไว้ได้ั เพราะเงินออมเติบโตไม่ทันราคาสินค้าและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นถ้าวันนี้เงินของคุณยัง นอนนิ่งๆ อยู่ในบัญชีเงินฝาก ทําไมไม่ลองปล่อยให้ออกมายืดเส้นยืดสายทํางาน
 
แทนคุณกันดูบ้างพราะยังมีทางเลือกอื่นๆ อีกมากมายที่จะช่วย “เพิ่มพูนความมั่งคั่ง (Wealth Accumulation) ให้คุณได้
 
“วางแผนลงทุน” จึงกลายเป็นพระเอกคนสําคัญของเรื่องนี้เพราะการลงทุนเปรียบเสมือนทางด่วนสู่ความ มั่งคั่งการออกตัวที่ดีตั้งต้นได้เร็ว และเดินตามแผนที่วางไว้ย่อมช่วยให้ถึงเส้นชัยได้สมดังใจหวัง
 
นอกจากนี้การใส่ใจเรื่องภาษีก็เป็นอีกปจจัยหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มพูนความมั่งคั่งให้คุณได้เช่นกันั เพราะการ “วางแผนภาษี” ช่วยลดภาระภาษีของคุณให้น้อยลง เมื่อเสียภาษีน้อยลง คุณก็จะมีเงินออมและลงทุนเพื่อเพิ่มพูน
 
ความมั่งคงให้มากยิ่งขึ้น ยิ่งในปจจุบันมีช่องทางการออมการลงทุนหลายประเภทที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีไม่ว่าจะ เป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือการทําประกันชีวิตฯลฯ ซึ่งคุณไม่ควร มองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดภาษีในแต่ละปีลงได้แล้ว ยังถอเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่งในระยะ ยาวให้คุณด้วย
 

ขั้นตอนที่ 4 ส่งมอบความมั่งคั่ง (Wealth Distribution)


หลังจากที่คุณได้สร้างและสะสมความมั่งคั่งของตนเองมาระดับหนึ่ง ก็ถึงเวลาคิดและถาม ตัวเองว่าตอนนี้คุณมีทรัพย์สินอะไรบ้าง? แต่ละอย่างมีมูลค่าเท่าไหร่? หรือหากวันนี้คุณ เป็นอะไรไป ทายาทจะได้รับมรดกอย่างที่คุณอยากยกให้หรือไม่?
 
“การส่งมอบความมั่งคั่ง” (Wealth Distribution) จึงเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่มีความสําคัญไม่แพ้ขั้นตอนอื่นๆ ในการ บริหารจัดการความมั่งคั่ง เพราะจะช่วยให้สิ่งที่คุณสร้างสมและเก็บรักษามาตลอดชีวิตถูกจัดสรร หรือแบ่งปนให้กับผู้อื่น ตามที่คุณต้องการ เช่น การบริจาคให้มูลนิธิองค์กรสาธารณกุศล ผู้ที่มีน้อยหรือด้อยโอกาสกว่า และคราวจําเป็นเมื่อมี ภัยพิบัติขึ้น โดยหัวใจหลักของการส่งมอบความมั่งคั่งก็คือการ “วางแผนมรดก” ที่จะช่วยส่งผ่านความมังคั่งรํ่ารวยจาก รุ่นสู่รุ่น แถมยังช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะถูกสืบทอดไปตามเจตนารมณ์ของคุณ
 

และนี้ก็เป็นความหมายและความสำคัญของการวางแผนการเงิน
มาถึงสุดท้ายนี้หวังว่าเพื่อนๆคงได้ความรู้ความเข้าใจในความสำคัญของการวางแผนการเงินกัน นะครับ
อย่างลืมเอาไปปรับใช้กันนะครับ เพราะชีวิตดีได้ด้วยการวางแผนการเงิน นะครับ


ขอบคุณข้อมูลดีดี จาก www.set.or.th
 

ศูนย์อบรมต้นแบบ สู่เส้นทางคุณวุฒิวิชาชีพนักวางแผนการเงิน CFP มืออาชีพมาตรฐานสากล

 


Thai Professional Finance Academy (ThaiPFA)
ติดต่อ
      086-666-0090 , 082-701-7077 , 087-063-3306 

ขอบคุณทุกความไว้วางใจ ที่มีให้ ThaiPFA


#นักวางแผนการเงินCFPมาตรฐานสากลกับThaiPFA #เส้นทางสู่วิชาชีพนักวางแผนการเงินCFPมาตรฐานสากลโดยThaiPFA #ThaiPFAศูนย์อบรมต้นแบบเพื่อความมั่งคั่งมั่นคงและยั่งยืน
E-mail: thaipfa@gmail.com
Website: www.thaipfa.co.th 
Social network: www.facebook.com/thaipfa
LINE: @thaipfa
Mobile: 086-666-0090 , 087-063-3306 ,082-701-7077

ThaiPFA NEWS

เรื่องราวดีๆ ที่อยากบอกเล่า พร้อมข่าวสารและสาระดีๆ ทางการเงิน

ผลงานที่ผ่านมา
portfolio
  • In-House Training, Public Training และบริษัทอื่นๆ...

ความคิดเห็นของผู้เข้าอบรม

หลากหลายความประทับใจ และ คำแนะนำให้อบรมหลักสูตรการวางแผนการเงิน CFP
และหลักสูตรการเงินอื่นๆ กับ ThaiPFA