เปิดหน้า 5 นักลงทุนระดับตำนานที่มีชื่อเสียงระดับโลก หลายครั้งที่เอ่ยถึงไอดอลของนักลงทุน หลายๆคนคงคิดถึง วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง แต่จริงๆแล้วในโลกนี้ยังมีบันทึกความสำเร็จของนักลงทุนระดับตำนานอีกหลายคน วันนี้เราเลือก 5 นักลงทุนระดับเทพมาแนะนำให้รู้จักเพิ่มเติมอีกดังนี้



1) เบน เกรแฮม เบน เกรแฮม หรือ เบนจามิน เกรแฮม นั้นเป็นนักลงทุนชาติ อเมริกันครับ เขามีชื่อเสียงเกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ถึงขนาดได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเลยทีเดียว” โดยเขาได้คิดค้นหลักทฤษฎีการลงทุนนี้ขึ้นและ สามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ย 20 เปอร์เซ็นต่อปีเลยทีเดียวครับ เบนจาบิน เกรแฮม คนนี้ยังเคยเป็นถึงอาจารย์ที่นักลงทุนชื่อนักระดับตำนานอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกให้เป็นอาจารย์ของเขาเลยทีเดียวครับ นอกจากนี้เขานั้นยังแต่งหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนอีก 2 เล่มที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง นั้นก็คือ Security Analysis และ The Intelligent Investor โดยหนังสือ Security Analysis นั้นมีที่มาจากที่เขาได้ขาดทุนจากการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ แล้วเขาก็นำประสบการณ์จากครั้งนั้นมาเป็นบทเรียนในการเขียนหนังสือนั้นเองครับ เห็นไหมครับเห็นเก่งเทพขนาดนี้ยังพลาดได้เลยนะครับ



2) จอห์น โบเกิล จอห์น โบเกิล หรือ จอห์น คลิฟตั้น โบเกิล เขาเป็นนักลงทุนชาวอเมริกัน ที่เราจเรียกได้ว่าเป็นผู้คิดค้นการลงทุนแบบดัชนีก็คงไม่ผิด เขานั้นที่เกิดในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะเลยทีเดียวครับแต่ด้วยสภาวะเศรฐกิจตกต่ำที่เกิดขึ้นในปี 1929 ทำให้ครอบครัวเขานั้นได้สูญเสียเงินไปจำนวนมากทำให้ต้องขายทรัพย์สินของครอบครัว และ เป็นเหตุให้พ่อแม่ต้องหย่าร้างกัน แต่นั้นก็ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เขานั้นย่อท้อต่อชีวิตครับ เขานั้นยังคงเดินหน้าทำงานในวงการของการเงินและการลงทุนและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วไปถึงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของ Wellington Fund แต่ด้วยสถานะการณ์ทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำอีกครั้งก็ทำให้เขาต้องโดนไล่ออก แต่ตัวของจอห์น โบเกิลนั้นก็ไม่ได้มองว่ามันคือจุดจบครับ เขาก่อตั้ง บริษัท Vanguard Company และสร้างกองทุนเลียนแบบดัชนี แต่ก็เป็นการลงทุนแบบเชิงรับ จนในปี 1976 ที่เขาได้พบวิธีใหม่ในการลงทุนและก่อตั้งกองทุนดัชนีของโลกกองแรกสำเร็จ โดยชื่อว่า Vanguard 500 Index Fund ครับ




3) ปีเตอร์ ลินช์ ปีเตอร์ ลินซ์ นักลงทุนและผู้จัดการกองทุนรวมชาวอเมริกัน ที่เกิดในปี 1944 ชีวิตในวัยเด็กของเขาไม่ได้สวยงามมากนักเพราะต้องเสียพ่อไปด้วยโรคมะเร็ง โดยตอนนั้น ปีเตอร์ ลินซ์ มีอายุเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น และ ภาระการดูแลครอบครัวก็ต้องตกไปอยู่กับแม่ของเขาครับ เมื่อปีเตอร์ ลินซ์ เริ่มโตขึ้นเขาก็เข้ามหาวิทยาลัย Boston College พร้อมกับทำงานพิเศษเป็นแคดดี้ในสนามกอล์ฟหรือก็คือเด็กแบกถุงกอล์ฟนั้นเองครับ และ จุดตรงนี้ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนจากลูกค้าของเขาครับ ต่อมาเขาก็ได้เข้าทำงานในบริษัท Fidelity Investment และใช้เวลาประมาณ 11 ปีก่อนเขาจะมาเป็นผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อว่า Magellan Fund และก็กองทุนนี้นั้นเองครับที่ทำให้เขาได้กลายเป็นตำนาน ที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 29.2% ต่อปีเป็นระยะเวลา 13 ปีเลยทีเดียว ซึ่งก็ถือว่า Magellan Fund เป็นกองทุนที่ทำกำไรมากที่สุดในประวัติศาสตร์ทีเดียวครับในระยะเวลาขนาดนั้น หลังจากนั้น ปีเตอร์ ลินซ์ก็ได้ผันตัวไปเป็นนักลงทุน และลาออกจากงานของเขาเพื่อให้มีเวลามากขึ้นกับครอบครัวของเขา




4) โจเอล กรีนแบลตต์ โจเอล กรีนแบลตต์ นักลงทุนชาวอเมริกา ที่เกิดในปี 1957 เขาเป็นคนที่คิดค้น Magic Formula ที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันครับ โจเอล กรีนแบลตต์ นั้นเรียนจบ ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต ด้วยเกียตรินิยมอันดับหนึ่ง ในปี 1979 และ จบ MBA ในปี 1980 ซึ่งถือว่าเป็นคนที่เก่งและหัวดีมาก ครับ ก่อนเขาจะเริ่มต้นเดินทางไปในเส้นทางการเงินเขาเคยเรียนกฎหมายที่ Stanford แต่เรียนได้แค่ 1 ปีเขาก็ดรอปออกมาและมุ่งสู้เส้นทาง ทางการเงินอย่างแน่วแน่ เขาใช้เวลาไม่กี่ปีในชีวิตทางการเงินก่อนจะก่อตั้งกองทุน Gotham Capital ด้วยมูลค่าเริ่มต้นกว่า 7 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐครับ โดยตั้งแต่หลังจากนั้นกว่า 9 ปีที่ โจเอล กรีนแบลตต์ ได้บริหารจัดการกองทุนอยู่นั้นก็สามารถสร้างผลตอบแทนกว่า 30 เปอร์เซ็น เลยทีเดียวครับ ในอีกด้านหนึ่งนะครับ โจเอล กรีนแบลตต์ ก็เป็น อาจารย์ในด้านการลงทุนในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ เป็นนักเขียน อีกทั้งเป็นนักลงทุนที่เน้นในด้านของคุณค่าครับ




5) เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ เป็นนักลงทุนชาวอเมริกาที่เกิดในครอบครัวยากจนที่ประกอบอาชีพเป็นชาวไร่ธรรมดาๆ โดยเขานั้นเป็นเด็กที่หัวไวมากเริ่มหัดเขียนและอ่านตั้งแต่อายุ 3 ขวบครึ่ง แต่อย่างไรแล้วครอบครัวเขานั้นไม่ได้อบอุ่นอย่างที่ครอบครัวทั่วไปควรจะเป็นเมื่อ เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ อายุ 14 ปีก็ได้ทะเลาะกับพ่อของเขาอย่างรุนแรงจนตัวของเขานั้นหนีออกจากบ้าน และ ก็ได้เริ่มทำงานในเส้นทางของนักลงทุนอย่าง เด็กเคาะกระดานหุ้น โดยได้ค่าตอบแทนที่ไม่มากนัก และ 1 ปีหลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่นหุ้นแต่หุ้นที่เขาเล่นนั้นก็เป็นการแทงหุ้นที่อิงจากราคาบนกระดานจากห้องค้าเถื่อนครับ เพราะเขานั้นมีงบน้อยเลยต้องเริ่มเล่นจากตรงนี้ โดยกำไรจากการลงทุนของเขาครั้งแรกนั้นคือ 3.12 ดอลล่าสหรัฐ จากนั้นกำไรที่เขาได้นั้นก็ได้เติมโตขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งกำไรโตไป 10,000 เหรียญดอลล่าสหรัฐ ทำให้ห้องค้าเถื่อนถึงกับต้องแบนเขาไม่ให้เขาเล่นอีกเลยทีเดียว การเล่นของเขาก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากเท่าไหร่นักเขาทำการจดบันทึกสถิติและ ศึกษาพฤติกรรมของหุ้นแต่ละตัวก่อนจะซื้อขาย หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเข้าสู่ตลาดหุ้น Wall street แต่ก็ต้องหมดตัวตามนักลงทุนรายย่อยหลายๆคนที่ลงทุนพลาดไปแต่เขาก็ไม่ย่อท้อและลุกกลับมาใหม่ โดยเหตุการณ์ที่ทำให้เขาโด่งดังนั้นจะเป็นตอนที่เขาได้ทำการ Short Sell ในตลาดหุ้นและทำกำไรกว่า 3 ล้านเหรียญภายในวันเดียว แต่แล้วเขาก็ต้องหมดตัวอีกครั้งภายใน 1 ปีหลังจากนั้นจากเก็งกำไรหุ้นผิด แต่เขาก็กลับมาได้อย่างเช่นเคยจากการเก็งกำไรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และในปี 1929 เขาก็ได้ทำเงินถึง 100 ล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐจากการ Short Sell อีกครั้ง มาถึงจุดนี้หลายๆคนคงคิดนะครับว่ามีเงินมากถึงขนาดนั้นแล้วมันคงไม่น่าจะมีอะไรเล่นตลกจนทำให้ เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ คนนี้หมดตัวได้แน่นอน แต่ก็เป็นแบบเช่นเคยครับที่เขานั้นต้องหมดตัวเพราะความผิดพลาดของเขาเอง ทั้งการไม่รักษากฎของตัวเอง ทั้งการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย จนเขาล้มละลายและทำให้ต้องเขาจบชีวิตตัวเองด้วยการยิงตัวตาย โดยได้มีคนตรวจสอบว่าในตอนนั้นเขามีหนี้สินมากกว่าทรัพสินของเขาเลยทีเดียว

นี่เป็นเรื่องราวของนักลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก 5 คน ที่เราอยากมานำเสนอให้ทุกคนแบบคร่าวๆครับ

www.thaipfa.co.th